1. ยิ่งอ่านมากเท่าไร ยิ่งได้มากขึ้นเท่านั้น
ยิ่งแบ่งปัน Essay ของตัวเองให้กับผู้อื่น ยิ่งได้ความรู้มากขึ้น เพียงแค่เริ่มต้นจากการเรียนรู้จากผู้อื่น การอ่าน Essay ของนักเขียนคนอื่นนั้นจะช่วยให้คุณพัฒนาและสามารถเขียนได้ในแบบของคุณ เพียงแค่อ่านให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นจากเพื่อนหรือจากบทเรียนในห้อง ในทุกๆหัวข้อ เพื่อให้รู้แนวทางและรูปแบบในการเขียน ซึ่งจะทำให้ผู้อ่านนั้นสามารถจดจำโครงสร้างและเขียน Essay ได้ในรูปแบบของตัวเองได้ในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนเชิงวิเคราะห์ หรือเขียนเชิงให้เหตุผล การอ่านนั้นจะต้องคำนึงถึงหัวข้อหลักๆ เช่น คุณชอบบทความนี้หรือไม่ บทความนี้มีความน่าสนใจหรือไม่ บทความนี้ได้มีการยกตัวอย่างพร้อมอ้างอิงหรือไม่ โครงสร้างในการเขียนนั้นมีความน่าสนใจและแปลกใหม่เพียงใด เป็นต้น และยิ่งไปกว่านั้นบทความต่างๆ จากหนังสือพิมพ์ จะช่วยให้เพิ่มทักษะในการเขียนรูปแบบใหม่ๆ เพียงแค่สังเกตการหลักการเขียน พร้อมทั้งเหตุผลและข้อมูลอ้างอิงที่นักเขียนใช้ในการเขียนบทความนั้นๆ จะช่วยให้คุณสามารถพัฒนาการเขียน Essay ของคุณให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
2. ใช้คำศัพท์ใหม่ๆ และใช้ให้ถูกต้อง
คำศัพท์ที่ดีและเหมาะสม มักจะนำพาคะแนนดีมาด้วย Essay ที่ดีนั้นจะต้องใช้ศัพท์ที่น้อย แต่สามารถอธิบายได้ทั้งหมด การเขียนให้ข้อมูลต่างๆ จะต้อง ตรงประเด็นและเข้าใจง่าย เพราะทั้งผู้เขียนและคนให้คะแนนนั้น มีเวลาจำกัดในการอ่านและเขียน ดังนั้น การเขียนที่ดีไม่ควรจะยาวมาก สามารถอธิบายข้อมูลทั้งหมดได้ภายในไม่กี่ประโยค โดยศัพท์ทางการศึกษาที่สามารถบรรยายความหมายของทั้งประโยคนั้น จะค่อนข้างยาก แต่จะทำให้คะแนนในการเขียนเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน และยังสามารถทำให้ Essay นั้นน่าอ่านมากขึ้นอีกด้วย
5 วิธีลัด ที่ทาง SI-UK นั้นได้รวมรวมเพื่อคำศัพท์ที่มีคุณภาพ
– รับข้อมูลคำศัพท์ใหม่ๆได้ทุกวันทาง อีเมล เพียงแค่สมัคร website การศึกษาเพื่อได้รับคำศัพท์ใหม่ๆ และนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน (เช่น Merriam-Webster)
– อ่านให้มากขึ้น ละทำความเข้าใจและหาความหมายคำศัพท์ใหม่ๆที่ไม่เคยรู้มาก่อน เพื่อรู้วิธีการใช่ศัพท์อย่างถูกต้อง
– หาคำศัพท์ที่มีความหมายเหมือนกันจาก Thesaurus และนำไปเขียนใน Essay จะช่วยให้การเขียนนั้นมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงในการใช้คำศัพท์ซ้ำในการเขียนครั้งเดียวกัน แต่คำศัพท์ใน Thesaurus นั้น จะต้องลองหาความหมายที่แท้จริงก่อนที่จะนำมาใช้ เพราะเนื้อเรื่องของ Essay อาจจะเปลี่ยนความหมายก็เป็นได้
– ทำความเข้าใจและเรียนรู้ศัพท์จากคำนำหน้า (Prefixes) คำต่อท้าย (Suffixes) และรากศัพท์ (Root) ถึงแม้ว่ามันอาจจะเป็นสิ่งที่หน้าเบื่อ แต่มันสามารถทำให้เรียนรู้คำศัพท์ได้มากขึ้นและง่ายดาย เพียงแค่ตัดคำนำหน้าหรือต่อท้ายออก ก็จะทำให้ได้ศัพท์มาขึ้นแล้ว
Prefixes หรือ คำนำหน้า คือ คำที่วางอยู่หน้าศัพท์โดยทำให้ความอีกอย่างหนึ่ง เช่น semi หรือ ante.
Suffixes หรือ คำต่อท้าย คือ คำที่วางต่อท้ายคำศัพท์ และทำให้ความหมายเปลี่ยนเช่นเดียวกัน เช่น -able หรือ -ance.
– มองหาศัพท์ใหม่ๆ และจดลงสมุดบันทึกคำศัพท์ของตัวเองเมื่อเจอศัพท์ที่ไม่รู้มาก่อน และแบ่งการเขียนคำศัพท์และความหมายของมันไว้เป็นกลุ่ม เช่น ศัพท์นี้เหมาะกับการเขียนเชิงวิทยาศาสตร์ ศัพท์นี้เหมาะกับการเขียนเชิงประวัติศาสตร์ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามห้ามเลือกแค่คำศัพท์ยากๆ เพื่อที่จะให้ Essay ดูดีเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงความหมายของคำศัพท์ เพราะอาจจะทำให้ essay นั้นความหมายเปลี่ยนและเข้าใจยากขึ้น หลักการเขียนที่ดีคือ เข้าใจง่ายมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่จะให้คนอยากอ่าน essay ของเรา
3. คำศัพท์ที่แปลกใหม่ในการเชื่อมประโยค
หลีกเลี่ยงการเขียนซ้ำซาก โดยการเขียนศัพท์เดิมๆ ตลอดเวลา เพิ่มความหลากหลายในการเขียนคำศัพท์เพื่อเชื่อมประโยคนั้น จะทำให้ essay น่าอ่านมากยิ่งขึ้น เช่น “moreover”, “furthermore” และ “however” ซึ่งคำศัพท์เหล่านั้นจะทำให้การแสดงความคิดเหตุและการวิเคราะห์น่าอ่านมากขึ้น
4. วางแผนการเขียน essay
วางแผนการเขียน essay ก่อนที่จะเขียน เรียบเรียงเหตุผลต่างๆ และลำดับความคิดเห็นที่จะเขียน เพื่อให้การเขียนนั้นง่ายขึ้นและสั้น ได้ใจความ พร้อมทั้งสรุปได้อย่างสวยงาม โดยใช้หลักการเขียนแบบ ‘Elevator Pitch’ เพื่อทำให้การเขียนนั้นง่ายขึ้น พร้อมทั้งทำให้น่าอ่านมากยิ่งขึ้น
การเขียนในรูปแบบ Elevator Pitch นั้นเป็น เทคนิคที่ พนักงานขายใช้ในการทำให้ผู้ซื้อตัดสินใจการซื้อสินค้า พร้อมทั้งสรุปเหตุผลต่างๆ ให้ลูกค้าควรซื้อสินค้า โดยจินตนาการว่าตัวเองกำลังอยู่ในลิฟท์และกำลังขึ้นไปสู่ชั้นที่ต้องการจะไป ลูกค้านั้นจะได้รับเหตุผลมาประกอบการตัดสินใจเพื่อให้อยากได้สินค้าเหล่านั้น ดังนั้นการเขียน Elevator Pitch ใน essay นั้น เปรียบได้อย่างการขายความคิดของคุณให้กับผู้อ่าน เพื่อที่จะทำให้ผู้อ่านอยากอ่านมันมากขึ้น ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้คนอยากอ่านเรื่องของคุณ แต่คุณสามารถใช้ เพื่อนำมาเขียน บทนำที่ดี (introduction) และอธิบายครอบคลุมข้อมูลในการเขียนทั้งหมด
5. ให้ข้อมูลเกี่ยวกับความคิดเห็นของผู้อื่น
ใน essay ของคุณนั้นควรจะมีการใส่ความคิดเห็น หรือ คำพูดของผู้อื่นพร้อมกับแหล่งที่มาเกี่ยวกับหัวข้อที่คุณต้องการเขียน ซึ่งจะเป็นการโชว์ความสามารถในความรู้ของผู้เขียน ไม่ว่าจะเป็นความเห็นทาง ด้านเดียวกับทางนักเขียน หรือ ด้านตรงข้ามก็ตาม เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่าคนคิดอย่างเราหรือไม่ แต่เราสามารถโชว์ความคิดในแบบของเรา พร้อมคำอ้างอิง หรือหลักฐานได้
แต่อย่าอ้างอิงคำพูดผู้อื่นเยอะมากไป เพราะจะทำให้เหมือนว่าผู้เขียนไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง แต่สำหรับการอ้างอิงในสิ่งที่ตัวเองไม่เห็นด้วยนั้น สามารถทำได้เช่นเดียวกัน เพราะ จะทำให้เราหาเหตุผลว่าทำไมเราถึงชอบ และไม่ชอบ ในแบบฉบับของตัวเองและยังทำให้โชว์ สักยภาพในการวิเคราะห์เช่นเดียวกัน
6. ไวยากรณ์ เครื่องหมายวรรคตอนและการเล่าเรื่อง
โครงสร้างประโยคที่ซับซ้อน ทำให้เห็นถึงความแตกต่างในการเขียนและวิธีการที่ชาญฉลาดในการเล่าเรื่อง พร้อมทั้งยังทำให้ essay ของคุณนั้นเข้าใจง่ายเช่นเดียวกัน การใช้โครงสร้างประโยคที่หลากหลาย ไม่ว่าจะสั้น หรือยาว นั้นทำให้การอ่านไม่น่าเบื่อและไม่ยากเกินไปที่จะอ่าน แต่หลักไวยากรณ์ที่ผิดนั้น จะทำให้ Essay นั้นอ่านยากขึ้นไปอีก ดังนั้น ควรจะตรวจเช็คการเขียนทุกครั้งหลังจากเขียนเสร็จ
สำหรับการเขียน essay นั้น การเล่าเรื่องนั้นจะต้องมีความน่าสนใจและชวนให้น่าติดตาม ให้ลองอ่าน essay ที่เคยเขียนเอาไว้และวิเคราะห์ดูว่ามันน่าติดตามมากแค่ไหน อีกทั้งการมั่นใจในการเขียนนั้นจะทำให้ผู้อ่านรู้สึกถึงเรื่องที่เราจะต้องการเล่าออกไป การเขียนในเชิง Active นั้น จะทำให้เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจกว่าการเขียนในแบบ Passive Voice เพราะจะทำให้ผู้อ่านเข้าในเรื่องราวได้ง่ายขึ้นเช่นกัน
หากน้องๆ มีข้อสงสัยหรือมีความสนใจในการศึกษาต่อมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร สามารถ ลงทะเบียนขอรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญของ SI-UK ได้ฟรี