น้อง ๆ วัยเรียนหลายคน อาจจะกำลังกังวลเกี่ยวกับเรื่องของอนาคตในการทำงานหลังเรียนจบ เนื่องจากการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน หลายคนเริ่มมองหาลู่ทางและตัวช่วยเพื่อสร้างโปรไฟล์ให้โดดเด่น พร้อมสำหรับตำแหน่งงานที่ใฝ่ฝันเอาไว้ และหนึ่งในวิธีการติดอาวุธทางปัญญาและความสามารถที่ดีที่สุดก็คือ การไปศึกษาเล่าเรียนและหาประสบการณ์การทำงานในต่างประเทศ นั่นเอง
ผลการศึกษาของ the European Commission เกี่ยวกับผลสัมฤทธิ์ของโครงการ Erasmus โครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาในภูมิภาคยุโรป เมื่อปี 2014 พบว่านักศึกษาที่เข้าร่วมในโครงการ มีโอกาสในการจ้างงานหลังจากการจบการศึกษาเพิ่มขึ้นถึงประมาณร้อยละ 42 เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้ศึกษาในต่างประเทศ ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจใด ๆ และนี่คือ 5 benefits ของการไปเรียนในต่างประเทศ ที่สามารถต่อยอดอนาคตในการทำงาน
1. ช่วยพัฒนาทักษะทางด้านภาษา
อันนี้เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า การไปเรียนต่างประเทศ สิ่งที่ได้แน่ๆ คือความสามารถทางด้านภาษา ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับประเทศที่น้อง ๆ เลือก นอกจากนี้ ยังช่วยให้น้อง ๆ สามารถปรับตัวให้เข้ากับบริบทและสังคมของท้องถิ่นหรือประเทศนั้น ๆ ได้อย่างมั่นใจ ทักษะทางด้านภาษาที่ได้รับ สามารถใช้เป็นทางเลือกในการประกอบอาชีพ อย่างเช่น นักแปล ล่าม พนักงานบริการบนเคื่องบิน และอื่น ๆ อีกมากมาย และยังเปิดโอกาสให้เราสามารถหาตำแหน่งว่างในประเทศนั้น ๆ หลังเรียนจบได้อีกด้วย
และถึงแม้ว่า งานที่น้อง ๆ ใฝ่ฝัน อาจไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะด้านภาษา หรือ multilingual skills แต่การพูดได้หลายภาษา หรือใช้ภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาอังกฤษ ได้คล่องแคล่ว ก็ถือเป็นคุณสมบัติที่โดดเด่นที่นายจ้างทั่วไปมองหา สามารถสร้างจุดขายในเรซูเม่ หรือสร้างความประทับใจในการสัมภาษณ์งาน และเพิ่มโอกาสในการจ้างงานได้มากขึ้น เมื่อเทียบกับผู้สมัครที่รู้ภาษาแค่ภาษาเดียว การที่น้อง ๆ มีสกิลทางด้านภาษา เหมือนเป็น commitment อย่างหนึ่ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความฉลาดหลักแหลม สำหรับผู้ว่าจ้าง มันอาจหมายความว่า น้อง ๆ เป็นคนที่มีทักษะในการเรียนรู้เร็ว ปรับตัวง่าย แสดงให้เห็นศักยภาพในการเรียนรู้ด้านอื่น ๆ เช่น ทักษะการต่อรอง แผนธุรกิจ เทคนิคด้านการตลาด ฯลฯ ในตัวน้อง ๆ ด้วย
2. ช่วยสร้าง international mindset หรือทักษะการคิดแบบสากล
เมื่อน้อง ๆ ไปเรียนที่ต่างประเทศ นั่นหมายถึงน้องๆ จะต้องเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตและบริบททางสังคมของที่นั้น ๆ ซึ่งอาจะเป็นสิ่งที่เราไม่คุ้นเคยมาก่อน ตั้งแต่เรื่องของวัฒนธรรม สิ่งที่เราไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิต สิ่งเหล่านี้คือการขยายโลกทัศน์ของน้อง ๆ ให้กว้างขึ้น และน้อง ๆ จะเริ่มมองสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ด้วยมุมมองที่เป็นสากล international perspective มากขึ้น
ในปัจจุบัน บริษัท ห้างร้าน หรือองค์กรธุรกิจต่างๆ พยายามอย่างยิ่งที่จะปรับตัวให้เป็นสากล และเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ ดังนั้น ผู้สมัครที่สามารถปรับตัวเองให้ทำงานในบริบทที่เป็นสากล หรือมีความคุ้นเคยกับวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมที่หลากหลาย จึงได้เปรียบกว่าคนทั่วไป การเลือกเรียนต่อในต่างประเทศจึงเป็นทางเลือกและเป็นหลักฐานที่ชัดเจนที่สุดว่าน้อง ๆ เป็นคนที่มี international mindset หรือทักษะการคิดแบบสากล ในตัวเอง
3. ช่วยขัดเกลาทักษะการติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคล (interpersonal skills)
บางครั้งเราก็ต้องใช้ระดับการสื่อสารในระดับที่ต่างกัน เพื่อให้ผู้รับสารสามารถเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการนำเสนอได้อย่างถูกต้อง และนี่คือความสำคัญของทักษะการติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคล หรือที่เรียกกันว่า interpersonal skills ซึ่งการเรียนและการใช้ชีวิตในต่างประเทศ สามารถช่วยขัดเกลาและฝึกฝนทักษะในด้านนี้ให้กับเราได้
การใช้ชีวิตในต่างประเทศและการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนมากมายในชีวิตประจำวัน จะช่วยหล่อหลอมความเข้าใจความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรมในแต่ละบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในฐานะนักศึกษา น้องๆ มีโอกาสอันน่าทึ่งในการเข้าถึงวัฒนธรรมและประเพณีอื่น ๆ ได้ไม่ จำกัด เป็นการขยายมุมมองและโลกทัศน์แบบที่ไม่อาจทำได้ หากอาศัยอยู่แต่ภายในประเทศ อย่างใน Erasmus Impact Study ที่ได้ยกตัวอย่างไป พบว่า 92% ของนายจ้าง ให้ความสำคัญทักษะการติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคลในตัวผู้สมัคร โดยมองว่า ผู้สมัครที่เคยศึกษาต่อในต่างประเทศนั้นมีความได้เปรียบกว่าในด้าน interpersonal skills
4. แสดงให้เห็นถึงการเป็นคนที่มีความคิดริเริ่มและสร้างสรรค์ (initiative)
นอกจากเรื่องของการฝึกฝนทักษะด้านภาษาและการสื่อสารที่ดี การศึกษาต่อในต่างประเทศยังเป็นการตอกย้ำข้อเท็จจริงที่ว่า น้องๆ เป็นคนไม่กลัวที่จะริเริ่มและทดลองเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ลักษณะนิสัยของคนทำงานที่ดีคือ ต้องเป็นคนที่คิดและลงมือทำทันที สามารถตัดสินใจได้ถูกต้องและมั่นใจในไอเดียตัวเอง มีความคิดที่นอกกรอบและสร้างสรรค์ ซึ่งนักเรียนนักศึกษาที่จบการศึกษาจากต่างประเทศมีแนวโน้มที่จะมีคุณสมบัติเหล่านี้มากกว่า คนที่มีความคิดริเริ่ม คือคนที่มีทักษะของความเป็นผู้นำ สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที จากการปรับมุมมอง ประยุกต์ใช้ หรือการคิดนอกกรอบ และพาตัวเองออกจาก comfort zone ได้เป็นผลสำเร็จ จากผลสำรวจ Outlook survey by NACE (National Association of Colleges and Employers) ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า 80 % ของนายจ้าง มองหาบุคคลที่มีความเป็นผู้นำที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
5. มอบประสบการณ์การทำงานแบบ International
แม้ว่าการจบการศึกษาในต่างประเทศ จะถือเป็นความสำเร็จที่โดดเด่นในตนเองอยู่ในตัวอยู่แล้ว แต่มันก็ยังเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในด้านอื่นๆ ด้วย หนึ่งในนั้นคือ โอกาสที่จะได้ฝึกประสบการณ์การทำงานที่เป็นสากล หรือในองค์กรระดับนานาชาติ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่โดดเด่นและน่าประทับใจในใบสมัครและการสมัครงาน นอกจากนี้ การได้ฝึกประสบการณ์การทำงานในต่างประเทศ ยังช่วยสร้างเครือข่ายในการทำงานที่เป็น international ในประเทศนั้นๆ อีกด้วย ปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยมากมายในต่างประเทศ เช่น ในประเทศอังกฤษ ที่มีหลักสูตร work-based degrees หรือหลักสูตรที่บวก work placement year เข้าไป ให้เลือกศึกษา
Study in the UK
สำหรับน้อง ๆ ท่านใด ที่สนใจจะสมัครเรียน หรือต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักสูตร รวมทั้งมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร (UK) ก็สามารถ ลงทะเบียนเพื่อขอรับคำปรึกษาจากพี่ ๆ ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาต่อของ SI-UK ได้ทุกวัน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
10 อันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดใน UK ประจำปี 2019 โดย QS World University Rankings
10 อันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดใน UK ประจำปี 2019 โดย The Complete University Guide